คำศัพท์
คำศัพท์
บทที่ 1 การติดตั้งโปรแกรม SQL Server และแนะนำ SQL Server
คำศัพท์ |
ความหมาย |
Local Installation |
การติดตั้งลงในเครื่องที่กำลังใช้อยู่ |
Remote Installation |
การติดตั้งลงบนเครื่องอื่นที่อยู่ในเน็ตเวิร์กเดียวกัน |
Unattended Installation |
การติดตั้งโดยที่ไม่ต้องป้อนรายละเอียดในขณะที่ติดตั้ง แต่ใส่รายละเอียดเหล่านั้นไวในไฟล์ จากนั้นโปรแกรมติดตั้งจะอ่านข้อมูลจากไฟล์นี้ให้เองโดยอัตโนมัติ |
Replicate |
เสมือนหนึ่งการทำสำเนาหรือก๊อปปี้ข้อมูลจากเครื่องต้นทางไปยังเครื่องปลายทาง |
Case-Insensitive |
ไม่สนใจตัวอักษรพิมพ์เล็กหรือพิมพ์ใหญ่ถือว่าไม่แตกต่างกัน |
Accent-Insensitive |
ไม่สนใจตัวอักษรที่ใส่เครื่องหมายควบคุมกำกับการออกเสียงต่างๆ ถือว่าไม่แตกต่างกัน |
Width-Insensitive |
ไม่สนใจความกว้างของอักษร ใช้กับภาษาของชาวเอเชียตะวันออก |
Kana-Insensitive |
ไม่สนใจตัวอักษร Kana ใช้ในภาษาญี่ปุ่น |
Name Pipes |
เป็นค่าดีฟอลต์ เป็นวิธีในการติดต่อระหว่างเซิร์ฟเวอร์และไคลเอนต์โดยระบุในลักษณะของพาธ |
TCP/IP Sockets |
เป็นวิธีในการติดต่อระหว่างไคลเอนต์และเซิร์ฟเวอร์อีกแบบหนึ่ง ใช้สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่เป็น Windows 95/98 |
Multi-Protocol |
เป็นค่าดีฟอลต์ เป็นโปรโตคอลสำหรับการติดต่อสื่อสารที่ใช้ RPC (Remote Procedure Call) |
NWLink IPX/SPX |
เป็นโปรโตคอลสำหรับติดต่อกับไคลเอนต์ที่เป็น Netware |
Apple Talk ADSP |
เป็นโปรโตคอลสำหรับการติดต่อกับไคลเอนต์ที่เป็น Apple Macintosh |
Banyan VINES |
สนับสนุนการทำงานของระบบของ Banyan VINES Sequenced Packet Protocol (SPP) สำหรับการทำงานบนเน็ตเวิร์กของโปรโตคอล Banyan VINES IP |
Start Service |
การสั่งให้เซอร์วิสนั้นเริ่มทำงาน โดยถ้ามีการสตาร์ทเซอร์วิสใดแล้ว เซอร์วิสนั้นจะมีสถานะเป็น Running |
Pause Service |
การหยุดเซอร์วิสชั่วคราว เช่น การ Pause เซอร์วิสของ MSSQL Server จะใช้เพื่อไม่ให้มีการติดต่อจากยูสเซอร์เข้ามาที่ SQL Server อีก ทั้งนี้งานที่ติดต่อกันก่อนที่สั่ง Pause นั้นก็ยังทำงานกันตามปกติ และเมื่อต้องการกลับมาใช้งานต่อไปก็ให้ยกเลิกการ Pause โดยสั่งให้ Continue |
Stop Service |
การปิดเซอร์วิส มีผลทำให้การทำงานที่กำลังใช้เซอร์วิสนั้นหยุดทันที และไม่สามารถทำงานใดๆ ที่ต้องใช้เซอร์วิสนั้นได้ |
Server group |
ชื่อกรุ๊ปที่รีจิสเตอร์ไว้ |
Query Pane |
พื้นที่สำหรับป้อนคำสั่ง Transact-SQL และคำสั่งเอ็กซีคิวต์ |
Result Pane |
ส่วนที่แสดงผลลัพธ์ ซึ่งลักษณะการแสดงผลลัพธ์ทำได้ 2 แบบ คือ แบบ Text หรือแสดงเป็นผลลัพธ์แบบ Grid |
New Query |
เพิ่มหน้าจอใหม่สำหรับการป้อนคำสั่ง |
Batch |
ชุดของคำสั่ง Transact-SQL ที่มีมากกว่า 1 คำสั่งและต้องการส่งให้ SQL Server เอ็กซีคิวต์ในคราวเดียวกัน |
Stored Procedure |
อ็อปเจ็กต์ที่เขียนขึ้นด้วยคำสั่งของ Transact-SQL |
Script |
กลุ่มคำสั่งมีลักษณะเช่นเดียวกับแบทช์ แต่มีจุดประสงค์เพื่อใช้สร้างและจัดการอ็อปเจ็ต์โดยเฉพาะ |
Objects to Script |
อ็อปเจ็กต์ทีจะนำมาใช้สร้างสคริปต์ |
บทที่ 2 การออกแบบฐานข้อมูลและตาราง
คำศัพท์ |
ความหมาย |
Relation |
ตาราง 2 มิติที่ประกอบด้วยแถวและคอลัมน์ |
Attribute |
คอลัมน์ในรีเลชั่น |
Tuple |
แถวในรีเลชั่น |
Degree |
จำนวนแอททริบิวต์ในรีเลชั่น |
Cardinality |
จำนวนแอททริบิวต์ในรีเลชั่น |
Domain |
จำนวนแถวข้อมูลทั้งหมดที่เป็นไปได้ของแอททริบิวต์หนึ่งๆ |
Null Value |
การกำหนดขอบเขต - ประเภทของข้อมูลหรือค่าของข้อมูลในแอททริบิวต์ |
Primary Key |
ในแอททริบิวต์ไม่มีค่าของข้อมูลอยู่ |
Composite Key |
แอททริบิวต์ที่สามารถเจาะจงแถวใดแถวหนึ่งได้โดยที่มีข้อมูลไม่ซ้ำกันเลย |
Candidate Key |
แอททริบิวต์มากกว่าหนึ่งแอททริบิวต์มารวมกัน เพื่อให้ไม่มีข้อมูลซ้ำและไม่มีค่าว่าง |
Foreign Key |
เป็นคีย์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจนนำมาใช้เป็นคีย์หลักแทนกันได้ |
E-R MODEL |
เป็นแบบจำลองข้อมูล ซึ่งแสดงถึงโครงสร้างของฐานข้อมูล |
Entity |
สิ่งที่สนใจสามารถระบุได้ในความเป็นจริง และต้องการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้วยไว้ในฐานข้อมูล |
Strong Entity |
เอนทิตี้ปกติที่สนใจและต้องการจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องไว้ในระบบฐาน ข้อมูล ซึ่งการคงอยู่ของเอนทิตี้นี้ไม่เกี่ยวข้องกับเอนทิตี้อื่น |
Weak Entity |
เอนทิตี้อ่อนแอที่มีการคงอยู่เกี่ยวข้องกับเอนทิตี้อื่นในระบบฐานข้อมูล |
Parent Entity |
เอนทิตี้อื่นที่มีความสัมพันธ์กับเอนทิตี้อ่อนแอ |
Ellipse |
รูปวงรี |
Simple Attribute |
Attribute ที่ไม่สามารถแบ่งแยกย่อยลงไปได้อีก |
Composite Attribute |
Attribute ที่สามารถแบ่งแยกย่อยลงไปได้อีก |
Key Attribute |
Attribute หรือกลุ่มของ Attribute ที่มีค่าของข้อมูลในแต่ละสมาชิกของเอนทิตี้ไม่ซ้ำกัน ทำให้สามารถระบุความแตกต่างของแต่ละสมาชิกในเอนทิตี้ได้ |
Single-Valued Attribute |
Attribute ที่มีค่าของข้อมูลในแต่ละสมาชิกของเอนทิตี้ได้เพียงค่าเดียว |
Multi- Valued Attribute |
Attribute ที่สามารถมีค่าของข้อมูลในแต่ละสมาชิกของเอนทิตี้ได้หลายค่า |
Derived Attribute |
Attribute ที่ค่าของข้อมูลในแต่ละสมาชิกของเอนทิตี้ได้มาจากการนำค่าของข้อมูลใน Attribute อื่นที่มีอยู่ในแต่ละสมาชิกของเอนทิตี้มาทำการคำนวณ |
Total Participation |
ความสัมพันธ์ที่ทุกสมาชิกในเอนทิตี้หนึ่งจะมีข้อมูลใน Attribute หนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับข้อมูลในอีกหนึ่งเอนทิตี้ |
Partial Participation |
ความสัมพันธ์ที่ทุกสมาชิกในเอนทิตี้หนึ่งเท่านั้นจะมีข้อมูลใน Attribute หนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับข้อมูลในอีกหนึ่งเอนทิตี้ |
Relationship |
เอนทิตี้ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสองเอนทิตี้ขึ้นไป ซึ่งโดยทั่วไปเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเอนทิตี้ที่มี Attribute ร่วมกันโดยแต่ละความสัมพันธ์จะถูกระบุด้วยชื่อที่อธิบายถึงความสัมพันธ์ นั้นๆ |
One to One Relationship |
ความสัมพันธ์ที่แต่ละสมาชิกในเอนทิตี้หนึ่งมีความสัมพันธ์กับสมาชิกในอีกหนึ่งเอนทิตี้เพียงสมาชิกเดียว |
One to Many Relationship |
ความสัมพันธ์ที่แต่ละสมาชิกในเอนทิตี้หนึ่งมีความสัมพันธ์กับสมาชิกในอีกหนึ่งเอนทิตี้มากกว่าหนึ่งสมาชิก |
Many to Many Relationship |
ความสัมพันธ์ที่สมาชิกมากกว่าหนึ่งสมาชิกในเอนทิตี้หนึ่งมีความสัมพันธ์กับสมาชิกในอีกหนึ่งเอนทิตี้มากกว่าหนึ่งสมาชิก |
Redundancy |
ปัญหาความซ้ำซ้อนของข้อมูล |
Prime Attribute |
ทุก Attribute ที่ทำหน้าที่เป็น Relation Key ของ Relation |
Nonprime Attribute |
Attribute ที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของ Relation Key |
บทที่ 3 การจัดการฐานข้อมูล
คำศัพท์ |
ความหมาย |
Structured Query Language |
ภาษาในการสอบถามข้อมูล |
The subdivision of sql |
ประเภทของคำสั่งในภาษา SQL |
Data Definition Language |
ภาษาสำหรับการนิยามข้อมูล ประกอบด้วย คำสั่งที่ใช้ในการกำหนดโครงสร้างข้อมูลว่ามีคอลัมน์อะไร แต่ละคอลัมน์เก็บข้อมูลประเภทใด รวมถึงการเพิ่มคอลัมน์ การกำหนดดัชนี การกำหนดวิวหรือตารางเสมือนของผู้ใช้ |
Data Manipulation Language |
ภาษาสำหรับการจัดการฐานข้อมูล ประกอบด้วยคำสั่งที่ใช้ในการเรียกใช้ข้อมูล การเปลี่ยนแปลงข้อมูล การเพิ่มหรือลบข้อมูล |
Data Control Language |
ภาษาควบคุม ประกอบด้วย คำสั่งที่ใช้ในการควบคุม การเกิดภาวะพร้อมกัน หรือการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ใช้หลายคนเรียกใช้ข้อมูลพร้อมกัน และคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความปลอดภัยของข้อมูลด้วยการกำหนดสิทธิ์ ของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน |
Data Type |
ชนิดข้อมูล |
Maximum File Size |
ระบุขนาดของไฟล์สูงสุดที่ขยายได้ |
Unrestricted Filegrowth |
ขยายจนเต็มดิสก์ |
Restict Filegrowth |
กำหนดขนาดของไฟล์สูงสุด |
Owner |
ชื่อยูสเซอร์ที่สร้างดาต้าเบส |
Date Created |
วันที่สร้าง |
Space Available |
เนื้อที่ที่ยังว่างอยู่ |
Database Options |
ออปชั่นของดาต้าเบส |
Number of Users |
จำนวน Database User ของ Database |
Single User |
จำกัดการใช้งาน SQL Server ได้ครั้งละ 1 คนเท่านั้น มักจะใช้ตอนกู้ดาต้าเบส Master หรือเปลี่ยนชื่อดาต้าเบส |
Read Only |
กำหนดให้สามารถอ่านข้อมูลจาก SQL Server ได้เท่านั้น ไม่สามารถเพิ่ม แก้ไข หรือลบข้อมูลในดาต้าเบสได้ |
dbo use only |
กำหนดให้ดาต้าเบสใช้ได้เฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิกของ Fixed Database Role หรือ db_owner เท่านั้น ถ้าขณะนั้นยังคงมียูสเซอร์ใช้งานค้างอยู่เขายังสามารถทำงานได้ แต่เมื่อใดที่ยูสเซอร์นั้นเลิกการติดต่อหรือเปลี่ยนไปใช้ดาต้าเบสอื่น ก็จะกลับเข้ามาใช้อีกไม่ได้ จนกว่าจะกำหนดออปชั่นนี้ใหม่ให้เป็น False ส่วนใหญ่มักจะใช้เมื่อทำ Maintenance ระบบ และไม่อนุญาตให้ยูสเซอร์อื่นๆ เข้ามาใช้งานขณะนั้น |
ANSI NULL Default |
ปกติ SQL Server จะให้ดีฟอลต์ทุกคอลัมน์เป็น NOT NULL แต่ถ้ากำหนดออปชั่นนี้ให้เป็น True ค่าดีฟอลต์จะกลายเป็น NULL |
Recursive Triggers |
ถ้ากำหนดให้เป็น True จะทำให้การอ้างอิงของทริกเกอร์ที่กระทำกับเทเบิลที่หนึ่งไปยังเทเบิลที่สอง และในเทเบิลที่สองสามารถสร้างทริกเกอร์ให้กระทำย้อนกลับมาที่เทเบิลที่หนึ่ง ได้ |
Select Inte/Bulk Copy |
ยอมทำบางคำสั่งโดยไม่บันทึกลงใน Transaction Log เช่น Select Into และ BCP |
Torn Page Detection |
เมื่อกำหนดให้เป็น True ระบบจะตรวจสอบแต่ละเพจว่าบันทึกลงดิสก์ถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ ทั้งนี้เพราะขณะที่บันทึกเพจนั้นอาจเกิดไฟดับ หรือระบบล่ม จะทำให้การบันทึกของเพจนั้นไม่สมบูรณ์ ในกรณีที่เซ็ทเป็น True จะทำให้ไม่สามารถรีสโตร์ดาต้าเบสได้ถ้ามีเพจเสียเกิดขึ้น |
Auto Close |
ถ้ากำหนดให้เป็น True ระบบดาต้าเบสจะปิดดาต้าเบสถ้าไม่มีคนใช้งาน และถ้ามีคนขอเข้ามาใช้ดาต้าเบสอีก ระบบก็จะเปิดให้ใช้โดยอัตโนมัติ ค่าดีฟอลต์จะกำหนดให้เป็น True เมื่อใช้ SQL Server ที่เป็นรุ่น Desktop Edition ส่วนรุ่นอื่นๆ จะกำหนดให้เป็น Fault เพื่อจัดการไฟล์ดาต้าเบสได้ในแบบเดียวกันกับไฟล์ทั่วๆ ไป เช่น ก็อปปี้ แต่วิธีการนี้ไม่เหมาะกับงานที่มีทรานแซคชั่นมากๆ |
Auto Create Statistics |
เมื่อกำหนดให้เป็น True ระบบจะจัดทำตัวเลขสถิติให้กับคอลัมน์ของเทเบิลที่มีการคิวรีโดยใช้ WHERE Clause เพื่อใช้ปรับประสิทธิภาพการดึงข้อมูลให้เร็วขึ้น |
Auto Shrink |
เมื่อกำหนดให้เป็น True ระบบจะตรวจสอบดาต้าเบสและ Transaction Log ถ้าพบว่ามีเนื้อที่ว่างมากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์จะทำการลดขนาดของดาต้าเบสโดยอัตโนมัติ สำหรับการลดขนาดของ Transaction Log จะไม่ทำทันที แต่ทำเมื่อมีการแบ็คอัพหรือลบคำสั่งที่มีใน Transaction Log ออกแล้ว แต่การลดขนาดไม่สามารถจะลดให้เล็กกว่าขนาดของไฟล์ที่สร้างไว้ |
Auto Update Statistics |
ถ้ากำหนดให้เป็น True ค่าสถิติของคอลัมน์จะถูกเปลี่ยนแปลงโดยอัตโนมัติเมื่อข้อมูลในคอลัมน์เปลี่ยน |
Use Quoted Identifiers |
ถ้ากำหนดให้เป็น True จะต้องใส่ “” (Quote) เมื่อต้องการอ้างชื่อ อ็อปเจ็กต์ต่างๆ ในดาต้าเบส |
Re-Organize Database – Move Data Pages to the Beginning of the Files |
การปรับเนื้อที่ในดาต้าเบสใหม่โดยขยับมาใช้เนื้อที่ในส่วนต้นๆ ของดาต้าเบสที่ว่างไว้ให้เต็ม |
Shrink Database Files-Truncate Trailing Free Space From th End of the Files |
ให้ลบเนื้อที่ว่างที่อยู่ทางด้านท้ายไฟล์ออกไป |
Periodically Check to See if the Database Disk Space Be Shurnk |
กำหนดให้มีการลดขนาดของดาต้าเบสเป็นระยะๆ แต่ทั้งนี้ต้องกำหนดวันและเวลาที่จะทำโดยคลิกที่ปุ่ม Schedule |
Database_Name |
ชื่อของดาต้าเบสที่ต้องการลดขนาด |
Target_Percent |
ขนาดของเนื้อที่ว่างเป็นเปอร์เซ็นต์ที่จะให้คงเหลืออยู่หลังจากลดขนาดดาต้าเบสแล้ว ถ้าไม่ระบุจะลดขนาดให้เท่าที่สามารถจะทำได้ |
Notruncate |
ย้ายเพจข้อมูลที่อยู่ท้ายไฟล์ไปยังเพจที่อยู่ต้นๆ ส่วนเพจท้ายๆ ที่ว่างอยู่นั้นให้คงไว้ ทำให้ขนาดของไฟล์เท่าเดิม |
Truncateonly |
พื้นที่ว่างที่ไม่ได้ใช้ให้กับระบบปฏิบัติการ โดยไม่มีการขยับเพจของข้อมูล เมื่อใช้ออปชั่นนี้ไม่ต้องระบุ target_percent |
Target_Size |
ขนาดของไฟล์เป็นเมกกะไบต์ที่เหลือหลังจากลดขนาดไฟล์แล้ว |
Emptyfile |
เป็นเพียงการย้ายข้อมูลในไฟล์ไปยังไฟล์อื่นๆ ที่อยู่ในกรุ๊ปเดียวกัน และไม่อนุญาตให้บันทึกข้อมูลลงในไฟล์เดิมได้ |
Column Name |
ชื่อของคอลัมน์ |
Datatype |
ชนิดของข้อมูล |
Length |
ปกติเมื่อล็อค Data Type แล้ว ความยาวของข้อมูลจะถูกกำหนดตามค่าดีฟอลต์ ยกเว้นชนิดข้อมูลบางอย่าง ที่สามารถกำหนดความยาวเองได้ด้วย ได้แก่ Char,Nchar,Varbinay,Varchar และ Nvarchar ส่วนชนิดข้อมูลที่เป็นตัวเลข เช่น Float,Numeric ความยาวจะแปรไปตามขนาดของ Precision |
Precision |
จำนวนหลักของข้อมูลที่มีชนิดข้อมูลเป็นตัวเลข ปกติจะมีค่าตามดีฟอลต์ ยกเว้น Data Type ที่เป็น Decimal และ Numeric ที่กำหนดจำนวนหลักเองได้ (รวมตัวเลขหลังทศนิยม) |
Scale |
จำนวนหลักหลังจุดทศนิยม ปกติจะถูกกำหนดให้เป็น 0 ยกเว้นชนิดข้อมูลที่เป็น Decimal หรือ Numeric ที่กำหนดจำนวนหลักหลังจุดทศนิยมได้ |
Allow Null |
ถ้าเลือก ถูก หมายถึงมีค่าเป็น NULL ได้ โดยค่า NULL มักใช้เป็นค่าดีฟอลต์เมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลเข้ามาในคอลัมน์นี้ ค่านี้ไม่ใช่ค่า 0 หรือ Blank สิ่งที่ควรระวัง คือ ในคอลัมน์ที่เป็น Primary Key ไม่สามารถกำหนดให้มีค่า NULL ได้ เพราะจะมีปัญหาในการคิวรีและอัพเดทข้อมูล |
Default Value |
กำหนดให้ใส่ค่าดีฟอลต์นี้กับคอลัมน์โดยอัตโนมัติเมื่อมีการสร้างแถวใหม่ ซึ่งถ้าผู้ใช้ไม่ป้อนข้อมูลใดๆ เข้ามา ข้อมูลในคอลัมน์นี้จะมีค่าเป็นค่าดีฟอลต์ไป |
Identity |
ถ้าเลือก ถูก หมายถึง คอลัมน์มีข้อมูลเป็นเลขลำดับ คือ 1,2,3,... โดย SQL Server จะใส่เลขลำดับให้เองโดยอัตโนมัติเมื่อสร้างแถวใหม่ ทั้งนี้ต้องระบุค่าของ Identity Seed และ Identity Increment ด้วย และในหนึ่งเทเบิลจะมีเพียงคอลัมน์เดียวที่เป็น Identity ได้ |
Is Row Guid |
เก็บค่า Row Global Unique Id สำหรับบอกความเป็นเอกลักษณ์ของแถวข้อมูล คือ การแยดให้ออกว่าแต่ละแถวของข้อมูลแตกต่างกันด้วยการใช้ค่าของ Row Guid |
Identiry Seed |
ค่าเริ่มต้นของ Identity |
Identity Increment |
ค่าที่จะให้เพิ่มขึ้นในแต่ละลำดับ |
Identity |
คอลัมน์เก็บข้อมูลเป็นตัวเลขลำดับ |
Constraint |
ตรวจเช็คความถูกต้องของข้อมูลให้อัตโนมัติ |
Unique |
กำหนดให้ข้อมูลในคอลัมน์หรือกลุ่มของคอลัมน์ในแต่ละแถวมีค่าที่ไม่ซ้ำกัน |
Check |
เพื่อให้คอลัมน์รับข้อมูลตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้เท่านั้น |
Delete |
จะลบทีละแถว และจะบันทึกการลบของแต่ละแถวลงใน Transaction Log |
Truncate |
จะลบเพจที่เก็บข้อมูลในเทเบิลนั้น แล้วบันทึกการลบเพจลงใน Transaction Log แทน ทำให้ทำงานได้เร็ว แต่ไม่สามารถจะโรลแบ็ค (Roll Back) ข้อมูลที่ถูก Truncate ได้ |
View |
เทเบิลเสมือนที่สร้างจากการนำข้อมูลบางคอลัมน์ บางแถวจากเทเบิลตั้งแต่หนึ่งเทเบิลขึ้นไปมาจัดทำเป็นแถวและคอลัมน์เสมือน |
Diagram Pane |
เป็นส่วนที่แสดงผังความสัมพันธ์ของเทเบิลต่างๆ ที่นำมาใช้สร้างวิว |
Grid Pane |
เป็นส่วนที่ใช้กำหนดเงื่อนไขในการเลือกคอลัมน์ให้กับวิว |
SQL Pane |
ส่วนที่แสดงคำสั่งจากรายละเอียดที่กำหนดไว้ใน Grid Pane |
Result Pane |
เป็นส่วนที่แสดงข้อมูลจากวิวที่กำลังสร้างนี้ |
บทที่ 4 คิวรี Query
คำศัพท์ |
ความหมาย |
Query |
การนำข้อมูลจากฐานข้อมูลมาแสดงออกทางจอภาพ การสอบถามข้อมูลนี้ในภาษา Transact-SQL |
Arithmetic Operators |
โอเปอเรเตอร์คณิตศาสตร์ ได้แก่ Operators ที่เป็น Plus (+) Minus (-),Divide (/),Multiply (*),and Modulo (%) |
Comparison Operators |
โอเปอเรเตอร์เปรียบเทียบเป็น Operator ที่จะให้ค่าออกมา 3 ค่า คือ ถูก (True) ผิด (False) ไม่รู้ (Unknow) |
Character Operators |
โอเปอเรเตอร์อักขระเป็นการค้นหาข้อมูลของคอลัมน์ที่เก็บข้อมูลประเภทตัวอักษร |
Logical Operators |
โอเปอเรเตอร์ตรรกะ เป็นตัวโอเปอเรเตอร์ที่ใช้ในการเปรียบเทียบเชื่อมโยงค่า 2 ค่า |
Unknow |
นำข้อมูลที่มีค่าไปเปรียบเทียบกับข้อมูลที่เป็น NULL ตัวเปรียบเทียบจะให้ค่าไม่รู้ |
Aggregate Functions |
เป็นกลุ่มฟังก์ชันที่ใช้กับข้อมูลที่เป็นตัวเลข |
Count |
เป็นคำสั่งที่สามารถใช้กับตารางหรือคอลัมน์ใดๆ เพื่อนับจำนวนของแถวหรือคอลัมน์ |
Sum(x) |
เป็นคำสั่งการหาผลรวมของคอลัมน์ใดคอลัมน์หนึ่ง |
Avg(x) |
เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการหาค่าเฉลี่ยของคอลัมน์ใดคอลัมน์หนึ่งที่เก็บข้อมูลประเภทตัวเลข |
Max(x) |
เป็นคำสั่งในการหาค่าสูงสุดของข้อมูลของคอลัมน์ใดคอลัมน์หนึ่ง |
Min(x) |
เป็นคำสั่งในการหาค่าต่ำสุดของข้อมูลของคอลัมน์ใดคอลัมน์หนึ่ง |
Varianc(x) |
เป็นฟังก์ชันในการหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานยกกำลัง 2 (S2) ในคอลัมน์ใดคอลัมน์หนึ่ง |
Stddev(x) |
การหาค่ารากที่สองของผลรวมของความแตกต่างระหว่างข้อมูลดิบกับค่าเฉลี่ยยก กำลังสอง (Sum of Squares ของผลต่าง) หารด้วยจำนวนข้อมูลทั้งหมดของคอลัมน์ X |
Date and Tune Functions |
เป็นกลุ่มฟังก์ชันที่แสดงข้อมูลออกมาเป็นวันและเวลา |
ADD_MONTHS(X,Y) |
เป็นฟังก์ชันที่ต้องการบวกจำนวนเดือน (Y) เข้าไปในข้อมูลคอลัมน์ (X) |
LAST_DAY(X) |
เป็นฟังก์ชันที่แสดงวันสุดท้ายของเดือนในคอลัมน์(X) |
MONTHS_BETWEEN(X,Y) |
เป็นฟังก์ชันที่คำนวณค่าระหว่าง X และ Y โดยมีหน่วยเป็นเดือน |
Arithmetic Functions |
เป็นกลุ่มคำสั่งที่เกี่ยวกับการคำนวณทางเลขคณิต |
Abs(x) |
เป็นฟังก์ชันในการหาค่าสมบูรณ์ของ X |
Ceil(x) |
เป็นฟังก์ชันที่ให้ค่าตัวเลขจำนวนเต็มที่มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับค่าในคอลัมน์ (X) |
Floor(x) |
เป็นฟังก์ชันที่ให้ค่าตัวเลขจำนวนเต็มที่พิจารณาจากค่าในคอลัมน์ X ถ้าหลังจุดทศนิยมมีค่ามากกว่า 5 ก็จะให้ค่าเลขจำนวนเต็มที่มากขึ้น แต่ถ้าหลังจุดทศนิยมมีค่าน้อกว่า 5 จะให้ค่าตัวเลขที่มีค่าน้อยลง |
Exp(x)f |
เป็นฟังก์ชันหาค่า e ยกกำลัง X |
LN(x) |
เป็นการหาค่า Natural Log ของ X |
Log(x) |
เป็นการหาค่า Log ฐาน 10 ของ X |
Mod(X,Y) |
เป็นฟังก์ชันที่แสดงเศษที่เกิดข้อมูล X หารด้วย Y |
Power(x,y) |
เป็นฟังก์ชันในการยกกำลัง โดย X เป็นเลขฐาน Y จะเป็นเลขยกกำลัง |
Sign(x) |
เป็นฟังก์ชันที่ - ให้ค่าเป็น -1 ถ้า X มีค่าน้อยกว่า 0 - ให้ค่าเป็น 0 ถ้า X มีค่าเท่ากับ 0 - ให้ค่าเป็น 1 ถ้า X มีค่ามากกว่า 0 |
Sqrt(x) |
เป็นฟังก์ชันในการหาค่ารากที่ 2 ของX |
Character Functions |
เป็นฟังก์ชันที่ใช้สำหรับจัดการข้อมูลอักขระ โดยที่มีตัวแปรเป็นชนิดอักขระหรือชนิดตัวเลข และให้ผลการคำนวณเป็นค่าอักขระหรือค่าตัวเลข |
CHR |
เป็นฟังก์ชันสำหรับเปลี่ยนนิพจน์กอักขระให้เป็นรหัส ASCII |
Concat(x,y) |
เป็นฟังก์ชันในการรวมอักขระ (X และ Y) เข้าด้วยกัน |
Initcap(<String>) |
เป็นฟังก์ชันที่เปลี่ยนค่าตัวอักขระ (String) ให้ตัวแรกเป็นอักขระตัวใหญ่แล้วาตามด้วยอักขระตัวเล็ก |
Lower(<String>) |
เป็นฟังก์ชันที่เปลี่ยนตัวอักขระ (<String>)เป็นอักขระตัวเล็ก |
Upper(<String>) |
เป็นฟังก์ชันที่เปลี่ยนตัวอักขระ (<String>)เป็นอักขระตัวใหญ่ |
Replace(<String>,x,y) |
เป็นฟังก์ชันในการแทนค่าอักขระ X โดยการค้นหาตัวอักขระที่ต้องการแทนที่ แล้วแทนที่ด้วยอักขระ Y ที่ต้องการ |
Substr(<String>,x,y) |
เป็นฟังก์ชันที่นำตัวอักษร (<String>) ในตำแหน่งที่ X |
Conversion Functions |
ฟังก์ชันการแปลง |
TO_CHAR |
จะทำการแปลง Data Type ที่เป็นตัวเลขให้เป็นตัวอักษร |
Transaction Table |
ตารางข้อมูลที่เป็นตารางเชิงรายการ |
Master Table |
ตารางข้อมูลที่เป็นตารางหลัก |
Address Table |
ตารางข้อมูลที่เป็นตารางที่อยู่ |
Subqueries |
การเรียกดูข้อมูลแบบซ้อนกัน |
บทที่ 5 การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
คำศัพท์ |
ความหมาย |
SQL Server Authentication Mode |
โหมดการยืนยันสิทธิ์ของ SQL Server |
Server Login |
ล็อคอินของเซิร์ฟเวอร์ |
Permission |
การอนุญาตสิทธิ์ |
Role |
บทบาท |
Sa |
เป็นบัญชีรายชื่อของผู้ควบคุมระบบของ SQL Server |
Guest |
เป็นล็อคอินพิเศษที่คุณสามารถเพิ่มให้ฐานข้อมูล |
Dbo |
ผู้ใช้ประเภทพิเศษของฐานข้อมูลและสามารถได้รับสิทธิพิเศษ |
Dbcreator |
บทบาทของผู้สร้างฐานข้อมูล ถูกออกแบบเพื่อให้ใช้กับผู้ใช้ที่ต้องการสร้างหรือปรับปรุงแก้ไขฐานข้อมูล สมาชิกที่อยู่ในบทบาทนี้สามารถเพิ่มสมาชิกไปใน dbcreator สามารถใช้คำสั่ง Alter Database, Create Database และ sp_renamedb ได้ |
Diskadmin |
บทบาทของผู้ควบคุมระบบดิสก์ ถูกออกแบบเพื่อให้ใช้กับผู้ใช้ที่ต้องการจัดการกับไฟล์ของดิสก์ สามาชิกของบทบาทนี้สามารถเพิ่มสมาชิกไปใน Diskadmin และสามารถใช้คำสั่ง DISK INIT,DISK MIRROR, DISK REFIT, DISK REINIT, DISK REMIRROR, sp_addumpdevice, sp_diskdefault และ sp_dropdevice ได้ |
Processadmin |
บทบาทของผู้ควบคุมระบบการประมวลผล ถูกออกแบบเพื่อให้ใช้กับผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมการประมวลผลของ SQL Server สมาชิกที่อยู่ในบทบาทนี้สามารถเพิ่มสมาชิกไปใน Processadmin และสามารถยกเลิกการประมวลผลได้ |
Sysadmin |
บทบาทของผู้ควบคุม ถูกออกแบบเพื่อให้ใช้กับผู้ใช้ ที่ต้องการควบคุมการทำงานของ SQL Server และติดตั้งฐานข้อมูลทั้งหมด สม่าชิกในกลุ่มนี้สามารถทำงานได้ทุกอย่าง |
Securityadmim |
บทบาทของผู้ควบคุมระบบรักษาความปลอดภัย ถูกออกแบบเพี่อให้ใช้กับผู้ใช้ซึ่งต้องการจัดการกับล็อคอิน สร้างการอนุญาตสิทธิ์ให้กับฐานข้อมูล และอ่านไฟล์ Log ที่เป็นข้อมูลผิดพลาด สมาชิกที่อยู่ในบทบาทนี้สามารถเพิ่มสมาชิกไปใน Securityadmain และสามารถอนุญาต ปฎิเสธ และยกเลิกการ Create Database และอ่านไปล์ Log ได้ พวกเขาสามารถทำงานต่าง ๆ ดังนี้ได้ sp_addlinkedsrvlogin, sp_asslogin, sp_defaultdb, sp_defaultlanguage, sp_denylogin, sp_droplinkedsrvlogin, sp_droplogin, sp_grantlogin, sp_hekplogins, sp_remoteoption และ sp_revokelogin |
Serveradmin |
บทบาทของผู้ควบคุมระบบเซิร์ฟเวอร์ ถูกออกแบบเพื่อให้ใช้ กับผู้ใช้ที่ต้องการกำหนดตัวเลือกของการตั้งค่าปฎิบัติการ ให้กับเซิร์ฟเวอร์และการปิดเครื่องเซิร์ฟเวอร์ สมาชิกในกลุ่มนี้สามารถเพิ่มสมาชิกใน Serveradmin และสามารถใช้คำสั่ง DBCC PINTABLE, RECONFIGURE, SHUTDOWN, sp_configure และ sp_tableoption ได้ |
Setupadmin |
บทบาทของผู้ควบคุมระบบติดตั้ง ถูกออกแบบเพื่อให้ใช้กับผู้ใช้ ที่ต้องการจัดการเซิร์ฟเวอร์ที่มีการเชื่อมต่อกันอยู่และการควบ คุมกระบวนการในการเริ่มใช้งาน สมาชิกในกลุ่มนี้สามารถ เพิ่มสมาชิกไปใน Setupadmin และสามารถเพิ่ม ลบ และตั้งค่าปฏิบัติการให้กับเซิร์ฟเวอร์ ที่มีการเชื่อมต่ออยู่ และสามารถควบคุมขั้นตอนการเริ่มใช้งานได้ |
Db_accessadmin |
เป็นบทบาทที่กำหนดขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเพิ่มหรือลบล็อคอิน ในฐานข้อมูล สมาชิกในบทบาทนี้สามารถทำงานต่าง ๆ ในฐานข้อมูล ที่ถูกเลือกไว้ได้ดังนี้ sp_addalias, sp_adduser, sp_dropalias, sp_dropuser, sp_grantdbaccess และ sp_revokedvaccess |
Public |
บทบาทของฐานข้อมูลสาธารณะเป็นบทบาทที่เป็นค่าเริ่มต้นที่ได้กำหนดให้กับ ผู้ใช้ฐานข้อมูลทั้งหมด ผู้ใช้ได้รับการถ่ายทอดการอนุญาตสิทธิ์และการให้ สิทธิพิเศษของบทบาทสาธารณะและบทบาทนี้ใช้แทนการอนุญาตสิทธิ์และ การให้สิทธิพิเศษที่เป็นขั้นต่ำที่สุด บทบาทใด ๆ ที่คุณกำหนดให้แก่ ผู้อยู่นอกเหนือบทบาทสาธารณะให้เพิ่มการให้อนุญาตสิทธิ์และการให้สิทธิพิเศษ ถ้าผู้ใช้ต้องการให้ผู้ใช้ฐานข้อมูลทุกคนได้รับการอนุญาตสิทธิพิเศษให้ กำหนดการอนุญาตสิทธิ์นั้นให้แก่บทบาทสาธารณะ |
Db_backupoperator |
เป็นบทบาทที่กำหนดขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการสำรองฐานข้อมูลสมาชิกนี้สามารถ ทำงานต่าง ๆ ในฐานข้อมูลที่ถูกเลือกไว้ได้ ดังนี้ BACKUP DATABADE, BACKUP LOG, CGECKPOINT, DBCC CHECKALLOC, DBCC CHECKCATALOG, DBCC CHECKDB, DBCC TEXTALL, DBCC TEXTALLOC, AND DBCC UPDATEUSAGE |
Db_datareader |
เป็นบทบาทที่กำหนดขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการดูข้อมูลในฐานข้อมูล สมาชิกในบทบาทนี้สามารถเลือกดูข้อมูลทั้งหมดจากตารางในฐานข้อมูลได้ |
Db_datawriter |
เป็นบทบาทที่กำหนดขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการปรับปรุงข้อมูล ในตารางที่อยู่ในฐานข้อมูล สมาชิกในบทบาทนี้สามารถใช้งาน อ็อปเจ็กต์ในฐานข้อมูลที่เลือกไว้ได้ ดังนี้ Delete, Insert และ Update |
Db_ddlladmin |
เป็นบทบาทที่กำหนดขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ Data Definition Language (DDL) ของ SQL Server สมาชิกในบทบาทนี้สามารถส่งคำสั่งของ DDL ใดออกไปก็ได้ ยกเว้น คำสั่ง Grant, Revoke หรือ Deny สมาชิกในบทบาทนี้สามารถทำงานต่าง ๆ ในฐานข้อมูลที่ถูกไว้ได้ ดังนี้ REFERENCE, sp_changeobjectowner, sp_procoption, sp_recompile, sp_rename และ sp_tableoption |
Db_denydatareader |
เป็นบทบาทที่กำหนดขึ้น เพื่อใช้จำกัดการเข้าถึงข้อมูลในฐานข้อมูล ด้วยการล็อคอิน สมาชิกในบทบาทนี้สามารถปฎิเสธหรือยกเลิก การให้อนุญาตสิทธิ์ในการใช้คำสั่ง Select กับอ็อปเจ็กต์ในฐานข้อมูลได้ |
Db_denydatawriter |
เป็นบทบาทที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้จำกัดการอนุญาตสิทธิ์ในการปรับปรุง ฐานข้อมูลโดยการล็อคอิน สมาชิกของบทบาทนี้สามารถปฎิเสธหรือยกเลิก การให้อนุญาตสิทธ์ในการใช้คำสั่ง Insert, Update และ Delete กับอ็อปเจ็กต์ที่อยู่ในฐานข้อมูลได้ |
Db_securityadmin |
เป็นบทบาทที่กำหนดขึ้นให้กับผู้ใขที่ต้องการจัดการกับการให้อนุญาตสิทธ์ เจ้าของอ็อปเจ็กต์ และบทบาท สมาชิกที่อยู่ในบทบาทนี้สามารถทำงานต่าง ๆ ในฐานข้อมูลที่ถูกเลือกไว้ได้ ดังนี้ DENY,GRANT,REVOKE, sp_addapprole,sp_addrole,sp_addrolemember, sp_addrolepassword,sp_changcobjectowner, sp_dropapprole,sp_droprole และ sp_droprolemember |
Db_owner |
เป็นบทบาทที่กำหนดขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมงานทุกด้านในฐานข้อมูล สมาชิกในบทบาทนี้สามารถกำหนดสิทธิ์ปรับปรุงการตั้งค่าในฐานข้อมูล การบำรุงรักษาฐานข้อมูล และทำงานในการควบคุมระบบตัวอื่นๆ ในฐานข้อมูลได้ |
Standard |
ล็อคอินของ SQL Server |
Windows NT User |
บัญชีรายชื่อของผู้ใช้โดเมน |
Windews NT Group |
บัญชีรายชื่อกลุ่มของโดเมน |
Server Access |
ประเภทของการให้อนุญาตสิทธิ์ที่ผู้ใช้ในการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ |
Permit |
ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ |
Deny |
ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ |
Default Database |
ค่าเริ่มต้นของฐานข้อมูลสำหรับผู้ใช้ |
User |
ชื่อของผู้ใช้ที่ใช้ในการล็อคอินในฐานข้อมูล |
Name |
ชื่อล็อคอิน |
Default Language |
ค่าเริ่มต้นของภาษาที่ใช้กับผู้ใช้ |
Grant |
เป็นการอนุญาตให้ทำงานที่เกี่ยวข้องด้วยบทบาทนั้น สมาชิกทุกๆ ตัวของบทบาทจะได้รับการถ่ายทอดการอนุญาตสิทธิ์ |
Revoke |
เป็นการลบการให้อนุญาตสิทธิ์ออกก่อน แต่ไม่ได้เป็นการป้องกันให้ ผู้ใช้หรือบทบาทไม่สามารถทำงานได้ ผู้ใช้หรือบทบาทยังคงสามารถ ได้รับการถ่ายทอดการอนุญาตสิทธิ์มาจากอีกบทบาทหนึ่งได้ |
Deney |
เป็นการปฏิเสธการให้อนุญาตสิทธ์ที่ใช้ในการทำงานและป้องกันไม่ให้ ผู้ใช้หรือบทบาทได้รับการถ่ายทอดการอนุญาตสิทธิ์ ซึ่ง Deny จะเป็นประเภทของการอนุญาตสิทธิ์ที่มาก่อนการอนุญาตสิทธิ์ตัวอื่นๆ |
บทที่ 6 การแบ็คอัพและรีสโตร์ข้อมูล
คำศัพท์ |
คำแปล |
Relational Database Management System : RDBM 3 |
ระบบจัดการฐานข้อมูล |
Back Up |
การสำรองข้อมูล |
System Recovery หรือ Automatic Recovery |
คือ การที่ SQL Server พยายามกู้ข้อมูลในระบบกลับคืนใกล้สู่สภาพเดิมมากที่สุดก่อนที่ระบบจะมีปัญหา โดยจะทำงานควบคู่กับ Transaction Log และ Check Point เพื่อรองรับทรานแซคชั่นหลายๆ แบบที่เกิดขึ้นในขณะนั้น |
Check Point |
คือ เวลาที่ระบจัดการฐานข้อมูลจะนำทรานแซคชั่นที่เสร็จเรียบร้อยแล้วบันทึกลงในดาต้าเบส |
Roll Forward |
ส่งเข้าไปทำงานใหม่ |
Database – Complete หรือ Full Backup |
การแบ็คอัพข้อมูลทั้งหมดของดาต้าเบส และบางส่วนใน Transaction Log ที่เกิดขึ้นขณะทำการแบ็คอัพ |
Database – Differential |
การแบ็คอัพเฉพาะส่วนที่เป็นข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากการทำ Full Backup ครั้งล่าสุดเท่านั้น |
Transaction Log |
การแบ็คอัพเฉพาะส่วนที่เป็น Transaction Log การแบ็คอัพแบบนี้จะใช้เมื่อต้องการแบ็คอัพข้อมูลจนถึงปัจจุบัน |
File and Filegroup |
ประกอบไปด้วยไฟล์และไฟล์กรุ๊ปต่างๆ สามารถเลือกที่จะแบ็คอัพแยกแต่ล่ะไฟล์หรือไฟล์กรุ๊ปได้โดยไม่ต้องแบ็คอัพทั้งดาต้าเบส |
Physical Name |
ชื่อที่ระบบปฏิบัติการกำหนดมาให้ |
Logical Name |
ชื่อที่ผู้ใช้กำหนดขึ้นมาใหม่เพื่อให้เรียกใช้ได้ง่าย |
Append to Media |
ให้บันทึกต่อท้ายข้อมูลเดิมในแบ็คอัพดีไวซ์ |
Overwrite Existing Media |
การบันทึกทับข้อมูลเดิมในแบ็คอัพดีไวซ์ |
Schedule |
ตั้งเวลาการแบ็คอัพเพื่อให้ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อถึงเวลานั้น |
Start automatically when SQL Server Agent Starts |
ให้แบ็คอัพเมื่อเซอร์วิสของ SQL Server Agent สตาร์ท |
One Time |
ให้แบ็คอัพตามวันที่กำหนด (On Date) และเวลาที่กำหนด (On Time) |
Start Whenever the CPU(s) Become Idle |
ให้แบ็คอัพเมื่อ CPU อยู่ในสถานะ Idle (หยุดพัก) |
Recurring |
ให้แบ็คอัพซ้ำๆ กันได้ โดยกำหนดให้ทำทุกวัน หรือทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน |
Verify Backup Upon Completion |
ให้ระบบตรวจสอบผลการแบ็คอัพอีกครั้งหลังจากแบ็คอัพเสร็จแล้ว |
Eject Tape After Backup |
ให้ดันม้วนเทปออกจากเทปไดรฟ์หลังจากแบ็คอัพเสร็จ |
Remove Inactive Entries From Transaction Log |
ใช้เฉพาะกับการแบ็คอัพ Transaction Log ให้ลบ (Truncate) รายการใน Transaction Log ที่คอมมิทแล้วหลังจากที่แบ็คอัพเสร็จ |
Check Media Set Name and Backup Set Expiration |
ให้ตรวจสอบชื่อของดีไวซ์และวันหมดอายุของดีไวซ์ก่อนที่จะบันทึก จะช่วยป้องกันความผิดพลาดในการหยิบแบ็คอัพดีไวซ์ที่ผิดมาใช้ ที่ช่อง Media Set Name ให้ระบุชื่อของดีไวซ์ |
Backup Set Will Expire |
ระบุจำนวนวันหรือวันที่ที่จะให้ดีไวซ์นั้นหมดอายุและพร้อมที่จะให้บันทึก ทับดีไวซ์นั้นได้ มี 2 แบบ คือ After ให้บันทึกทับดีไวซ์นั้นเมื่อครบจำนวนวันที่กำหนด หลังจากแบ็คอัพเสร็จส่วน On คือ ให้บันทึกทับดีไวซ์นั้นหลังจากวันที่กำหนด |
Initialize and Label Media |
ให้บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับเทปที่ส่วนต้นของเทป และลบข้อมูลเดิมที่มีอยู่รวมทั้งรายละเอียดเดิมออกไป |
Media Set Name |
ระบุชื่อของดีไวซ์ที่ส่วนตัวของดีไวซ์ |
Media Set Description |
ระบุส่วนที่เป็นคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับดีไวซ์ |
Automatic Recovery |
เป็นการกู้ข้อมูล SQL Server จะทำเอง หลังจากที่ SQL Server หยุดการทำงานกลางคันจากเหตุไฟดับ |
Manual Recovery |
การกู้ดาต้าเบสโดยผู้ใช้เอง |
Suspect |
อาการนี้เกิดจากไฟล์ของดาต้าเบสที่อยู่ในดิสก์เสีย |
Show Backups of Database |
ให้เลือกชื่อดาต้าเบสที่ต้องการ เพื่อแสดงรายละเอียดที่เคยแบ็คอัพไว้และควรเลือกให้ตรงกับชื่อดาต้าเบสที่ต้องการรีสโตร์ |
First Backup to Restore |
แสดงวันเวลาครั้งล่าสุดที่ได้แบ็คอัพไว้ |
Point In Time Restore |
สำหรับระบุวันเวลาที่ต้องการให้รีสโตร์ถึงจุดนั้น |
Backup Set Date |
วันเวลาที่แบ็คอัพ |
Backup Set Name |
ชื่อชุดที่แบ็คอัพ |
Only the Backup Sets of the As Data Files On Drive |
ให้แสดงเฉพาะรายการแบ็คอัพที่อยู่ในไดร์ฟที่ระบุ |
Only the Backup Set Completed After Date,Time |
ให้แสดงเฉพาะรายการแบ็คอัพที่เกิดหลังจากวัน เวลา ที่ระบุ |
Prompt Before Restoring Each Backup |
กำหนดให้มีการถามก่อนที่จะรีสโตร์รายการถัดไป ใช้เมื่อมีการรีสโตร์หลายๆ รายการ เพื่อจะสามารถหยุดการทำงานได้ถ้าพบข้อผิดพลาด |
Force Restore Over Existing Database |
ถ้ามีดาต้าเบสอยู่แล้ว ให้รีสโตร์ข้อมูลทับลงไปที่ดาต้าเบสนั้นเลย แต่ถ้าไม่เลือกเช็คบ็อกซ์นี้และมีดาต้าเบสนั้นอยู่แล้ว จะไม่สามารถรีสโตร์ได้ |
Move to Physical File Name |
ชื่อและตำแหน่งของไฟล์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนพาธที่ต้องการเก็บไฟล์บนดิสก์ได้ |
Leave Database Operational. No Additional Transaction Logs Can Be Restored. |
กำหนดออปชั่นนี้เมื่อการรีสโตร์ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย และไม่มีการรีสโตร์ Transaction Log อีก เมื่อรีสโตร์เสร็จดาต้าเบสจะเปิดใช้งานได้ทันที |
Leave Database Nonoperational, But Able to Restore Additional Transaction Logs |
หลังจากรีสโตร์เสร็จแล้ว ดาต้าเบสยังใช้งานไม่ได้ มักใช้ในกรณีที่การรีสโตร์ยังไม่เสร็จสิ้น คือ ยังมีแบ็คอัพอื่นๆ ที่ต้องรีสโตร์ต่อจากการรีสโตร์ครั้งนี้อีก ซึ่งอาจรีสโตร์ Differential Backup หรือ Transaction Log ต่อจากนี้อีกก็ได้ |
Leave Database Read – Only and Able to Restore Additional Transaction Logs. |
หลังจากรีสโตร์แล้วจะเปิดใช้ดาต้าเบสได้ โดยสามารถอ่านข้อมูลได้เพียงอย่างเดียว พร้อมทั้งสามารถจะรีสโตร์ Differential Backup หรือ Transaction Log ต่อจากนี้อีกได้ |
Undo File |
ให้ใส่ชื่อและพาธของไฟล์ที่เก็บข้อมูลของการรสโตร์ครั้งที่ผ่านมาไว้ (undo_file_name) เพื่อใช้กู้ข้อมูลให้กลับสู่สภาพเดิมก่อนการรีสโตร์ ถ้าการรีสโตร์นั้นมีความผิดพลาดเกิดขึ้น |