บทความ1

ข้อแนะนำการขับและดูแลรักษารถช่วงน้ำท่วม
 รถยนต์ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในชีวิตยุคปัจจุบัน และถือเป็นภาระที่หวงแหนของทุกคนในช่วงน้ำท่วม ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเราได้เห็นภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นนักในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่หมดสภาพการยึดเกาะถนน ลอยไปกับกระแสน้ำ หรือรถยนต์ประหยัดน้ำมันขนาดเล็กที่พยายามจะลุยน้ำที่ท่วมกว่าครึ่งคัน และภาพยนตร์นับร้อยนับพันที่ย้ายที่จอดรถไปเบียดเสียดกันอยู่บนสะพาน

                ในสภาพน้ำท่วม หลายคนคิดว่าหากลุยน้ำแล้วรถไม่ดับหรือเป็นโชคดี และหากรถยังวิ่งได้หลังจากลุยน้ำครั้งใหญ่แล้ว ถือเป็นโชคดีสองชั้น แต่เบื้องหลังของโชคดังกล่าวยังมีเทคโนโลยีควรรู้ที่สามารถอธิบายได้มากกว่าเป็นเพียงโชคชะตา และหากเราเข้าใจในเทคโนโลยีและหลักการปฏิบัติดังกล่าวแล้ว โอกาสที่จะโชคร้ายเรื่องรถก็จะน้อยลงอย่างยิ่ง
                ขอเริ่มจากกรณีใกล้ตัวในช่วงน้ำท่วมก่อน ข้อแนะนำแรก คือ อย่าขับรถฝ่าน้ำท่วม แต่หากผู้อ่านจำเป็นต้องขับรถฝ่าน้ำท่วม ข้อแนะนำ 7 ประการต่อไปนี้จะช่วยให้ผู้อ่านผ่านประสบการณ์ฝ่าน้ำท่วมไปด้วยดี 
                กรณีขับรถฝ่าน้ำท่วม
                1ควรเข้าใจว่าเครื่องยนต์จะดับ หากน้ำเข้าท่อไอเสีย โดยปกติแล้วรถเก๋งทั่วไปมีท่อไอเสียที่สูงกว่าระดับถนนประมาณ 5-10 เซนติเมตร ถ้าระดับน้ำรอบข้างสูงกว่าระดับท่อไอเสียของรถเรา ควรจะจอดรถรอก่อนอย่าเพิ่งลุยไป หรือหลีกเลี่ยงใช้เส้นทางอื่นดีกว่า
                2.ห้ามเปิดแอร์ในขณะขับรถลุยน้ำ เพราะเมื่อเปิดแอร์พัดลมจะทำงาน และพัดน้ำให้กระจายไปทั่งห้องเครื่อง ซึ่งหากห้องเครื่องเปียกชื้นจะทำให้เครื่องดับได้ง่าย
                3.ควรใช้เกียร์ต่ำที่สุดในการขับรถลุยน้ำ หากใช้เกียร์กระปุกใช้เกียร์ 1 หรือ 2 ถ้าใช้เกียร์ออโต้ให้ใช้แค่เกียร์ L และควรขับโดยใช้ความเร็วต่ำที่สุดและโดยสม่ำเสมอที่สุด
                4.ไม่ควรเร่งเครื่องให้รอบสูง เพราะการเร่งเครื่องรอบสูงจะทำให้เครื่องมีความร้อนสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้พัดลมระบายความร้อนทำงาน ผลที่ได้รับจะเหมือนกับข้อ 2
                5.ควรลดความเร็วในขณะที่ขับรถสวนกัน เพราะหากทั้งสองฝ่ายใช้ความเร็วสูงจะทำให้เกิดสถานการณ์คลื่นชนคลื่น ซึ่งทำให้เกิดคลื่นที่สูงและมีแรงปะทะสูงขึ้น ทำให้มีโอกาสสร้างความเสียหายต่อเครื่องยนต์และอุปกรณ์อื่น ๆ ของรถยนต์มากขึ้น
                6.พยายามย้ำเบรกบ่อย ๆ เพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก หากใช้รถเกียร์กระปุกให้ย้ำคลัชด้วย เนื่องจากเหตุผลเดียวกัน
                7.ไม่ควรดับเครื่องทันทีหลังใช้รถลุยน้ำ ควรปล่อยให้เครื่องทำงานสักพักเพื่อไล่น้ำที่ค้างในหม้อพักไอเสียให้หมดเสียก่อน 
                การดูแลรถหลังช่วงน้ำท่วมนั้น มีความสำคัญต่ออายุการใช้งานของรถและความปลอดภัยของผู้ขับขี่เป็นอย่างมาก ขอแนะนำให้นำรถที่ขับลุยน้ำในช่วงน้ำท่วมหรือแม้แต่รถที่จอดบนสะพานหรือจอดในที่ลาดเอียงเป็นเวลานาน เข้าตรวจสอบสภาพในทันที แต่หากไม่สามารถทำได้โดยทันที เราสามารถรักษาสภาพรถในช่วงแรกด้วยวิธีปฏิบัติ ดังนี้
1.ล้างรถด้วยน้ำสะอาด โดยเน้นการฉีดน้ำใต้ท้องรถ ดุมล้อทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้เศษทรายหรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ สะสมและทำความเสียหายกับช่วงล่างของรถยนต์ในระยะยาว
                2.ตรวจน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ดูว่ามีสีผิดปกติหรือไม่ หากมีสีที่ผิดปกติ ให้รีบนำไปเปลี่ยนถ่ายก่อนใช้งานต่อไป
                3.ตรวจสอบลูกปืนล้อทั้งหมด โดยฟังจากเสียงของลูกปืนล้อ หากมีเสียงดังควรเปลี่ยนลูกปืนล้อโดยทันที
                4.ตรวจสอบความชื้นภายในรถ ควรนำพรมปูพื้น ผ้ายาง และอุปกรณ์ภายในที่อมน้ำ ไปผึ่งแดดให้แห้งทันที เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับในห้องผู้โดยสาร 
                หากปฏิบัติตามที่เสนอ เชื่อว่ารถยนต์ของทุกท่านจะสามารถนำไปสู่จุดหมายได้อย่างปลอดภัยและสะดวก ทั้งในสภาพที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่และในช่วงหลังน้ำท่วมแล้ว แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดต่อความปลอดภัยนั้น ไม่ใช่รถแต่เป็นผู้ขับขี่ ดังนั้น เมื่อท่านดูแลรถให้อยู่ในสภาพดีแล้ว ก็อย่าลืมดูแลตัวเองให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะขับขี่รถด้วย ซึ่งข้อแนะนำดังกล่าวจะนำเสนอในโอกาสต่อไป
 

ข้อมูลจาก ศูนย์บริการ SIAMAUTO SERVICE วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม เลขที่ 46 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600

โทร.0 2878 5001-3 ฝ่ายประชาสัมพันธ์

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ติชม


ต้องการให้คะแนนบทความนี้่ ?

สร้างโดย :


prayuth

สถานะ : ผู้ใช้ทั่วไป
ช่างยนต์